วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

ปลาอโรวาน่า (Arowana)

ปลาอโรวาน่า (Arowana)

 AROWANA หรือ "Bonytongue fish" มีชื่อเรียกภาษาไทยว่า ปลาตะพัด หรือ ปลามังกร ปลาชนิดนี้จัดอยู่ในครอบครัวออสทีโอกลอสซิตี้ (Osteoglossidae) ประกอบด้วยปลา 4 สกุล (Genus) และ 7 ชนิด (Species) ซึ่งแต่ละชนิดมีถิ่นกำเนิดแตกต่างกันออกไป
รูปร่าง

มีลักษณะลำตัวยาวแบนข้าง ส่วนท้องแบนมาก เป็นสันคม ความกว้างลำตัวบริเวณส่วนต้นและส่วนท้ายของลำตัว (บริเวณโคนครีบก้น)เกือบเท่ากัน มีความยาวลำตัวเป็น 3.5-4.8 เท่าของความกว้างลำตัว และ 3.5-4 เท่าของความยาวส่วนหัว ปลาที่มีอายุน้อยบริเวณสันหลังจากจงอยปากไปจนถึงบริเวณโคนหางเกือบเป็นเส้นตรง แต่แม่ปลาอายุมากขึ้นจะโค้งเล็กน้อย เกล็ดบริเวณลำตัวมีขนาดใหญ่ หนา และแข็งแรงจำนวนเกล็ดตามแนวเส้นข้างตัว (lateral line) 21-24 เกล็ด ครีบหลังและครีบก้นอยู่ค่อนไปทางด้านหลัง ครีบหลังสั้นกว่าครีบก้น ครีบก้นมีความยาวเท่าๆกับความยาวของส่วนหัว ครีบหลังมีจำนวนครีบ 20 ก้าน ครีบก้นมี 26-27 ก้าน ครีบอกค่อนข้างยาว ยาวจนถึงโคนครีบท้องวัดความยาวได้ประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวลำตัว และมีจำนวน 7 ก้าน ครีบท้องสั้นมีเพียง 5 ก้าน ครีบหางกลมมนไม่ติดกับครีบหลังและครีบก้น ปลาชนิดนี้ปากกว้างมาก เฉียงขึ้นด้านบน มุมปากยาวเลยไปทางด้านล่างของส่วนหัว บนขากรรไกรและเพดานปากมีฟันแหลมคม ขากรรไกรล่างยื่นยาวกว่าขากรรไกรบนเล็กน้อย ที่ปลายขากรรไกรล่างมีหนวดขนาดใหญ่สั้นๆ 1 คู่ ตามีขนาดใหญ่มากกว่าความยาวของจงอยปากเล็กน้อย

ปลาอะโรวาน่าชนิดนี้โตเต็มที่มีความยาวประมาณ 1 เมตร น้ำหนักมากกว่า 7 กิโลกรัม ชอบอาศัยแหล่งน้ำบริเวณภูเขาที่มีน้ำไหลเอื่อยๆ ที่พื้นท้องน้ำเป็นหินปนทรายน้ำค่อนข้างขุ่นและเป็นกรดเล็กน้อย(pH 6-6.5) เป็นปลาที่มีไข่จำนวนน้อย ปลาขนาด 3-6 กิโลกรัม จะมีไข่ประมาณ 40-100 ฟองเท่านั้น เมื่อวางไข่แล้วจะฟักไข่ในปากขนาดไข่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.72 เซนติเมตร สามารถแบ่งตามทวีปที่พบได้ 4 ทวีป ดังนี้

อะโรวาน่าจากทวีปเอเชีย
ปลาอะโรวาน่าจากทวีปเอเชีย จัดเป็นอะโรวาน่าที่นิยมสูงสุด ในหมู่นักเลี้ยงปลา ในกลุ่มนี้ มีชื่อ วิทยาศาสตร์ว่า Scleropages Formosus รูปร่างของปลา จะค่อนข้างออกไปทาง ป้อมสั้น หากเทียบกับสายพันธุ์ ที่มาจากทวีปอเมริกาใต้ นอกจากนี้ยัง จัดเป็นกลุ่มที่มีราคาแพงที่สุด อันเนื่องมาจาก สีสรร อันสวย เกินบรรยาย สีทองดั่งทองคำเปลว หรือ สีแดงแบบเลือดนก

อะโรวาน่าทองมาเลย์ ( CROSS BACK )
อะโรวาน่าทองจากมาเลเซีย มีชื่อเรียกหลายแบบ ตามแหล่งที่พบ เช่น ปาหังโกลด์ มาลายัน โบนีทัง (Malayan Bony Tongue), บูกิทมีราสบลู, ไทปิงโกลด์เดน หรืออะโรวาน่าทองมาเลย์ สาเหตุของการมีชื่อเรียกมากมาย อย่างนี้ ก็เพราะว่าอะโรวาน่าชนิดนี้ สามารถพบได้ทั่วไป ในมาเลเซีย ปลาอะโราวาน่าทองมาเลเซีย จัดเป็นปลาอะโรวาน่า ที่มีราคาแพงที่สุดในบรรดาประอะโรวาน่าด้วยกัน ทั้งนี้เนื่องมาจากปลาชนิดนี้ จะให้ลูกน้อย และในธรรมชาติ หาได้ยากเต็มทีแล้ว ทุกวันนี้มีเพาะเลี้ยงกันที่ ในมาเลเซียและสิงคโปร์เท่านั้น อะโรวาน่าทองมาเลเซีย สามารถแบ่งจริงๆ ได้เป็น 3 พวก ใหญ่ๆ คือ

สายพันธุ์ที่ฐานเกล็ดออกสีน้ำเงิน หรือม่วง ( Blue or Purple Based )

สายพันธุ์ที่ฐานเกล็ดออกสีทอง (Gold Based)

สายพันธุ์ที่ฐานเกล็ดออกสีเขียว (Green Based)

สำหรับปลาประเภท 1 และ 2 บางครั้งจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เนื่องจาก สีน้ำเงิน หรือ ม่วงที่เราเห็น ขึ้นอยู่กับมุมสะท้อน ที่เราดูปลา เลยทำให้บางครั้งเราเห็น ออกสีม่วง ทั้งที่ความจริงแล้ว ปลามีฐานเกล็ดสีน้ำเงิน สำหรับแบบที่ 3 หรือ แบบที่มีฐานเกล็ดสีทอง แบบนี้ จัดว่าเป็นสุดยอดของปลาอะโรวาน่า ทองมาเลเซีย เนื่องจาก เมื่อปลาโตเต็มที่ ปลาจะมีสรรที่เหลืองอร่าม ดั่งทองคำเคลื่อนที่ ปลาชนิดนี้ ดูเหมือนจะเป็นอะโรวาน่าทองมาเลย์ประเภท แรก ที่สีทองจะอ้อมข้ามหลังได้เร็ว กว่าสายพันธุ์อื่นๆ

การผสมข้ามสายพันธุ์ ก็ได้ทำให้เกิด สายพันธุ์ใหม่ๆ ของอะโรวาน่าทองมาเลเซีย ขึ้นมา ซึ่งมีชื่อทางการค้าว่า Platinum White Golden และ Royal Golden Blue Arowana เป็นต้น

อะโรวาน่าแดง ( Red Arowana )
ปลาอะโราวาน่าแดง ที่มีขายกันในบ้านเรา มีที่มาจากหลายแหล่งน้ำ ในทางตะวันตกของกัลลิมันตัน ในประเทศ อินโดนีเซีย บริเวณแนวสันหลังจะมีสีน้ำตาล เกล็ดบริเวณลำตัวที่อยู่ค่อนไปทางด้านหลังมีสีเขียวอมน้ำตาล เกล็ดบริเวณด้านข้างลำตัว มีสีเขียวเหลือบสีแดง หรือแดงอมส้ม บริเวณส่วนท้องและแผ่นปิดเหงือกสีแดงหรือแดงอมส้มครีบอกและครีบท้องสีเขียว แต่บริเวณส่วนปลายครีบจะมีสีแดงหรือแดงอมส้ม ริมฝีปากก็จะมีสีแดงหรือแดงอมส้มเช่นกัน อะโรวาน่า แดง สามารถ แบ่งได้เป็น 4 ประเภทหลักๆ คือ

แดงเลือดนก (Blood Red)

แดงพริก (Chilli Red )

แดงส้ม (Orange Red)

แดงอมทอง (Golden Red)

ในปัจจุบัน อะโรวาน่าแดง ทั้ง 4 สายพันธุ์ ได้ถูกเรียก รวมๆ ทั้งหมด ว่า Super Red เนื่องจาก ปลาอะโรวาน่าแดง ประเภท Orange Red และ Golden Red เวลาโต จะเห็นได้อย่างเด่นชัดว่าสีจะไม่แดงเข้ม เท่า 2 สายพันธุ์แรก จากรูปข้างบน จะเห็นได้อย่างเด่นชัดว่า คุณภาพสีแดงของ Orange Red และ Golden Red จะออกไปทางส้มอม แดง หรือ ทองอม แดง

ชิลี่เรด และ บัดเรด ทั้งสองตัวนี้ มีแหล่งกำเนิดจาก แม่น้ำ Kapaus และทะเลสาบ Sentarum ซึ่งทะเลสาบ Sentarum นี้จะประกอบไป ด้วยทะเลสาบย่อยๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกันได้หมด ทางตอนปลายจะมีทางออกสู่ แม่น้ำ Kapaus ธรรมชาติของแม่น้ำนี้ จะถูกปกคลุม ด้วยต้น Peat ซึ่งทำให้แลดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับ การดำรงชีวิตของปลาชนิดนี้มาก สภาพ น้ำในแม่น้ำ Kapuas จะมีสีดำ ของแร่ธาตุ และอาหาร ซึ่งมีผลต่อสีของปลา ทำให้ อะโรวาน่าแดง มีสายพันธุ์ย่อยๆ ลงไปอีก โดยสามารถแบ่งแยกได้ จากความเข้มของสี ที่แตกต่างกัน และ รูปทรงของปลา ซึ่งความแตกต่างดังกล่าวนี้ พ่อค้าปลา ได้ตั้งชื่อเรียกปลาอะโรวาน่า ชุดแรกๆ ที่มีการส่งออก ว่า Chilli Red และ Blood Red โดยที่จะใช้ ความเข้มของสีแดงและ รูปทรงของปลา ในการจำแนก ปลาทั้งสองชนิดออกจากกัน ในปลาที่โตเต็มที่ ชิลี่เรด จะสีแดงคล้ายพริกในขณะที่ บัดเรด จะแดงออกสีเลือด ชีลี่เรด จะมีตาที่ใหญ่สีแดง และหางที่มีรูปร่างคล้ายรูปร่างของเพชร ในขณะที่ บัดเรด จะมีตาที่เล็กกว่า ขาวกว่าและรูปแบบหาง จะกลม เปิดกว้างมากกว่า ตาที่ใหญ่ของชีลี่เรด บางครั้งขอบ ตาบนจะแตะระดับส่วนบนของหัวพอดี

อะโรวาน่าทองอินโดนีเซีย ( Red Tail Golden Arowana )

 จำแนกอยู่ภายใต้กลุ่มอะโรวาน่าทอง เช่น เดียวกับทองมาเลย์ ปลาชนิดนี้ พบใน Pekan Baru ในประเทศอินโดนีเซีย เวลามันโต เต็มที่ มันจะไม่ทองแบบเหลืองอร่ามทั้งตัว ทองอินโด สามารถแบ่งประเภท ตาม สีของเกล็ดได้ 4 ประเภท คือ พวกที่มีฐานเกล็ด สีน้ำเงิน, เขียว และ ทอง อะโรวาน่าทองที่มีขนาดเล็ก จะมีสีที่ด้านกว่าของมาเลย์อย่างเห็นได้ชัด

อะโรวาน่าเขียว Green Arowana

แหล่งกำเนิดของปลาตัวนี้ พบกระจายอยู่ใน มาเลเซีย พม่า อินโดนีเซีย และ ประเทศไทย ใน แถบจังหวัด จันทบุรี ตราด บริเวณด้านหลังจะมีสีเขียวอมน้ำตาล สีเทา หรือเทาอมเขียว เกล็ดบริเวณด้านข้างลำตัวมีสีเงินหรือเงินเหลือบเขียว ครีบทุกครีบสีน้ำตาลอมเขียว


อะโรวาน่าจากทวีปอเมริกาใต้
สำหรับ อะโรวาน่าที่มาจากทวีปอเมริกา มีด้วยกัน 3 ชนิด คือ อะโรวาน่าเงิน อะโรวาน่าดำ และ อะราไพม่า ชาวพื้นเมือง จะเรียกปลาอะโรวาน่า ว่า "ลิงน้ำ (Water Monkey)" เนื่องจากลักษณะการ กระโดด ขึ้นกินแมลง ที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ เหนือ ผิวน้ำ

อะโรวาน่าเงิน (Silver Arowana)


มีแหล่งกำเนิดในลุ่มน้ำอะเมซอนในจิอานา(Guiana) อเมริกาใต้ เมื่อโตเต็มที่ยาวถึง 1 เมตร ลำตัวยาวและแบนข้างมาก เรียงไปทางส่วนโคนหาง ส่วนท้องแบนเป็นสัน ลำตัวมีสีเงินอมเทา หรือเหลืองอมเขียว บางตัวเมื่อโตขึ้นจะมีสีขาวเหมือนหิมะ จึงเรียกว่า snow arowana บริเวณลำคอจะมีสีส้มหรือส้มอมแดง เกล็ดตามตัวมีขนาดใหญ่ เกล็ดตามเส้นข้างตัวมี 31-35 เกล็ด บนเกล็ดมีจุดสีแดงและสะท้อนแวววาวเมื่อมีแสงสว่าง ครีบมีสีเหลืองหรือเขียวอ่อน ปากกว้างมากเมื่อยื่นขึ้นไปด้านบน ริมฝีปากล่างยื่นออกไปกว่าริมฝีปากบนเล็กน้อย ปลายริมฝีปากล่างมีหนวดขนาดใหญ่ 2 เส้น หนวดมีสีน้ำเงินหรือฟ้าน้ำทะเล ครีบก้นยาวมากเริ่มจากลำตัวยาวไปจนถึงโคนหางมีก้านครีบ 50-55 ก้าน ส่วนครีบหลังอยู่ตรงกันข้ามกับครีบก้นแต่สั้นกว่าครีบก้นเล็กน้อย จำนวนก้านครีบ 42-46 ก้าน

อะโรวาน่าดำ (Black Arowana)
พบแพร่กระจายบริเวณแม่น้ำริโอนิโกร (Rio Negro) ในบราซิล ลักษณะลำตัวโดยทั่วไปจะคล้ายคลึงกัน กับอะโรวาน่าเงินมากในขณะที่ปลาอายุยังน้อยยังมีเส้นขนาดเล็กคาดอยู่ อะโรวาน่าดำจะมีสีคล้ำกว่าอะโรวาน่าเงินมาก และจะมีแถบสีดำพาดไปตามความยาวลำตัว แต่เมื่อปลามีอายุมากขึ้น สีบริเวณลำตัวจะซีดจางลงจนมีสีใกล้เคียงกับอะโรวาน่าเงิน จุดที่พอจะสังเกตุความแตกต่างได้เมื่อปลาอายุมากขึ้นคือ ครีบหลังและครีบก้น อะโรวาน่าดำจะมีขอบครีบหลังและครีบก้นเป็นสีดำในขณะที่อะโรวาน่าเงินไม่มี

อะราไพม่า หรือ ปลาช่อนยักษ์ ( Aarapaima )

 ในธรรมชาติปลาอะราไพม่าจะกิน ปลาตระกูลแคชฟิช บางชนิดเป็นอาหาร ในบางครั้งก็อาจจะกระโดดขึ้นมาเหนือน้ำ เพื่อจับนก ที่บินไปบินมา ปลาพิรารูคู หรือ อะราไพม่า ที่เรารู้จักดี เป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ ที่สุดในโลก สามารถเติบโต ได้ถึง 10 ฟุต น้ำหนักถึง 400 ปอนด์ จากหลักฐานเท่าที่มีการยืนยัน เมื่อ ร้อยปีที่แล้วมีคนเคยจับได้ขนาดใหญ่สุดถึง 15 ฟุต 4.6 เมตร ปลาช่อนยักษ์จะวางไข่ราวๆ ช่วงเดือนมกราคม ถึง มีนาคม ไข่เป็นพันๆ ฟองจะถูกวางในแอ่งดินใต้น้ำ ที่พ่อแม่ปลา ช่วยกันเตรียมรังเอาไว้ต้อนรับ ลูกน้อย

ปลาชนิดนี้ มีลิ้นเป็นกระดูกแข็ง Bony Tongue ซึ่งมีฟันชุดที่สองเรียงราย อยู่ ด้วยคุณสมบัติดังนี้ ทำให้ปลาช่อนยักษ์ สามารถกินปลาในตระกูล Catfish ซึ่งเป็นปลาที่มีเกราะหุ้ม อันแข็งของปลาในกลุ่มนี้

อะโรวาน่าจากทวีปอัฟริกา (African Arowana)

 อะโรวาน่าที่พบในอัฟริกามีเพียงชนิดเดียวเท่านั้น อาศัยแพร่กระจายอย่างกว้างขวางจากตอนบนของแม่น้ำไนล์ บริเวณส่วนกว้างอัฟริกาไปจนถึงฝั่งตะวันตก ขนาดใหญ่ที่สุดของปลาชนิดนี้ มีความยาวลำตัวถึง 4 ฟุต ลำตัวค่อนข้างแบนและกว้าง(ลึก) ส่วนหัวค่อนข้างหนาและสั้น ด้านบนโค้งเล็กน้อย ลำตัวด้านหลังและด้นข้างมีสีน้ำเงินอมดำ น้ำตาลอมเทา น้ำตาลอมแดงหรือน้ำตาลอมเขียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ปลาอาศัยอยู่ ส่วนบริเวณท้องจะมีสีซีดกว่าด้านข้าง อาจจะมีสีครีมหรือน้ำตาลอมเหลือง ส่วนครีบต่างๆจะมีสีคล้ายกับสีของลำตัว จงอยปากสั้นกลม ริมฝีปากหนา ปากมีขนาดเล็กแต่มีฟันเต็มปาก ไม่มีหนวดที่ขากรรไกรล่าง ครีบหลังและครีบท้องอยู่ค่อนไปทางด้านหาง ครีบหางมีขนาดเล็ดรูปร่างกลม ครีบอกและครีบท้องมีขนาดเล็ก ครีบอกอยู่ค่อนไปทางด้านล่างของลำตัว ครีบท้องมีก้านครีบเพียง 6 ก้าน บริเวณหัวไม่มีเกล็ด เกล็ดตามแนวเส้นข้างลำตัว 32-38 เกล็ด

อะโรวาน่าจากทวีปออสเตรเลีย (Saratogos)
ที่พบในทวีปนี้ มีด้วยกัน 2 ชนิด พบที่ออสเตรเลียเหนือ มีชื่อว่า Nothern Saratogas และที่พบที่ ออสเตรเลียตะวันออก ชื่อว่า Spotted Saratogas

อะโรวาน่าออสเตรเลียเหนือ (Nothern Saratoga)
พบในทางตอนเหนือ ของประเทศออสเตรเลีย และ หมู่เกาะนิวกีนี ในประเทศอินโดนีเชีย ปลาชนิดนี้ เป็นปลาอะโรวาน่า ที่มีรูปร่าง ที่คล้าย อะโรวาน่าจากทวีปเอเชียมากที่สุด


มีขนาดโตเต็มที่ ประมาณ 90 เซนติเมตร ลักษณะ ที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ของอะโรวาน่าออสเตรเลีย จากอะโรวาน่าในแถบทวีปเอเชีย คือ จำนวนแถว ของเกล็ด จะมีมากแถวกว่า โดยที่อะโรวาน่าออสเตรเลีย จะมีเกล็ด 7 แถว ในขณะที่ ของอะโรวาน่าจากเอเชีย มี เพียง 5 แถว ส่งผลให้ขนาดของเกล็ดปลาจะมีขนาดเล็กลง ขอบเกล็ดของปลาอะโรวาน่าชนิดนี้ จะออกสีส้ม เหลือบเขียว เป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์

อะโรวาน่าออสเตรเลียตะวันออก (Spotted Saratoga)
มีถิ่นกำเนิดในรัฐ ควีนส์แลนด์ ในลุ่มแม่น้ำ Dawson อะโรวาน่า ชนิดนี้ หรือ ที่เรียกกัน สั้นๆ ว่า อะโรวาน่าออสเตรเลียจุด มีขนาดความยาวสูงถึง 90 ซม. ลักษณะลำตัวยาวเรียว บริเวณสันหลังตรง ลำตัวบริเวณด้านหลังและด้านข้างลำตัวเป็นสีน้ำตาล หรือน้ำตาลอมเขียว หรือเหลืองอมเขียว บริเวณส่วนท้องสีจางกว่าลำตัว เกล็ดมีขนาดใหญ่ มีเกล็ดตามเส้นข้างตัว 35 เกล็ด มีจุดสีส้มอมแดงและสะท้อนแสงบนเกล็ดแต่ละเกล็ดจำนวน 1-2 จุด ครีบหลังและครีบก้นสีเหลืองอ่อน ขอบครีบทั้งสองเข้มจนเกือบดำ ครีบก้นยาวกว่าครีบหลังเล็กน้อยมีก้านครีบ 31 ก้าน ครีบหลังมีก้านครีบ 20 ก้าน

อูจึริโมโน ( Utsurimono ) จักรพรรดิลายดำ

อูจึริโมโน  ( Utsurimono )  จักรพรรดิลายดำ

       ว่ากันมาถึงปลาคาร์พประเภทสุดท้าย  ในกลุ่มสี่ผู้ยิ่งใหญ่แล้วนะครับ ไล่ดะมาตั้งแต่ ราชันย์ขาวแดง
โคฮากุ, เทพบตรจุดดำ ซันเก้, ราชาหน้าสามสี โชว่า ท้ายสุดในกลุ่ม จักรพรรดิลายดำ อูจึริโมโน บางท่าน
ออกเสียงว่า อุทซึริโมโน  ก็ว่ากันไปตามถนัด  คงพอคุ้นหูผ่านตากับคำว่า "อูจึริ"  คำนี้เคยปรากฏอยู่ในโช
ว่า  พอจะจำได้หรือเปล่า  ไม่เพียงแต่ชื่อ  แพทเทินส์ของมันยังไปเกี่ยวข้องพันตูโชว่าอีกด้วยแหละ
       ทำไมมันเป็นอย่างนั้นล่ะ..ก็เพราะว่าอูจึริโมโนที่กำลังกล่าวถึงนี้   มันเป็นต้นกำเนิดของโชว่านะสิครับ
จริงๆ นะ ไม่ได้โม้  ในบันทึกได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน  แบบอ่านแล้วไม่ต้องตีความให้เมื่อยตุ้ม ว่าต้นกำเนิด
ของโชว่านั้นมาจากอูจึริโมโนแน่นอนพันเปอร์เซ็น
       นั่นก็แสดงว่าอูจึริโมโนได้ถือกำเนิดลืมตามาดูโลกเน่าๆใบนี้ก่อนโชว่า  ต้นตำรับเค้าว่าไว้อย่างนั้น จริง
หรือไม่จริงก็ต้องเชื่อไว้ก่อนล่ะครับ  มีคำกล่าวในหมู่นักเลี้ยงปลาชาวญี่ปุ่นว่า "ถ้าในบ่อไม่มีอูจึริโมโน นั่น
หมายความว่า  บ่อยังสร้างไม่เสร็จ " อ่ะ..ช่างเป็นคำคมกริบ ปานประหนึ่งมีดโกนหนวด  ฟังดูกิ๊บเก๋ไฉไล
เป็นบ้า  ฟังดูแล้วก็พอเดาใจนักเลี้ยงชาวอาทิตย์อุทัยได้ว่า  ให้ความสำคัญอูจึริโมโน  เทียบเท่ากับปลาหลัก
ทั้งสามเลยทีเดียว
        " อูจึริโมโน "ตามความรู้ภาษาญี่ปุ่นอันกะท่อนกะแท่นเต็มทีของผม  คำนี้เป็นการรวมกันระหว่างคำ
สองคำ  คำแรก "อูจึริ"  ในความหมายเกี่ยวกับปลาคาร์พ   หมายถึงแถบสีดำที่พาดผ่านตั้งแต่สันหลังด้าน
บนของลำตัว  ลงมาจนถึงบริเวณใต้ท้อง ในความหมายอื่นที่ไม่เกี่ยวกับปลาคาร์พ  น่าจะหมายถึงเคลื่อนที่
มั้ง  เดาเอานะครับอย่ามาเชื่อผมมาก  ถ้าอยากรู้จริงๆ แนะนำให้ไปถามยุ่นเอาเองครับ  ส่วนคำว่า " โมโน"
อันนี้แปลตรงตัวเด๊ะๆ ว่า ประเภท,ชนิด  อูจึริ+โมโน  ถ้าแปลแบบรวบตัดความน่าจะได้ว่า  ปลาคาร์พประ
ที่มีสีดำพาดผ่านที่ลำตัว โอ.เค.ไหมเอ่ย  ผมถามผู้รู้มาอีกที  ถ้าผิดพลาดประการใดก็อย่าว่ากันนะ  แบบว่า
ผมไม่ใช่คนญี่ปุ่นน่ะ โปรดจงเข้าใจ  ตั้งแต่เล็กจนโต รู้จักภาษาญี่ปุ่นอยู่คำเดียว " อุนจิ " จำมาจากการ์ตูน
เรื่อง  ด็อกเตอร์สลัมกับหนูน้อยอาราเร่
       และตามธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาช้านาน  ตามสันดานของผม  อะไรที่ชื่อยาวๆ เรียกยากพูดไม่สะดวก
ปาก  ลำบากลิ้นไก่  จะต้องถูกหดให้สั้นจุ๊ดจู๋ลงกว่าเก่า  อูจึริโมโนก็เหมือนกันไม่มีข้อยกเว้น  เพราะพูดแล้ว
มันยังขัดเขินปากพิกลอยู่  ฉะนั้นมาทำความเข้าใจ  จูนคลื่นความถี่ให้ตรงกันนะครับว่า  หลังจากนี้เป็นต้น
ไป "อูจึริโมโน" จะเหลือสั้นๆ แต่เพียง "อูจึริ" ขอให้เข้าใจว่าเป็นปลาประเภทเดียวกันครับ  ซึ่งว่ากันตาม
ความจริงแล้ว  " อูจึริ " เป็นชื่อเรียกที่นักเลี้ยงปลาคาร์พในบ้านเรานิยมเรียก  และคุ้นเคยกันมากกว่า  ร้อย
ทั้งร้อยไม่มีใครเรียกมันเต็มยศว่าอูจึริโมโน  อย่างที่บอกและว่า พี่ไทยไม่ชอบเรียกอะไรยาวๆ ชอบสั้น  แต่
บางเรื่องก็ชอบยาวๆ ไม่ชอบสั้นๆ นะครับ แฮ่ะๆ

        ประวัติความเป็นมา ต้นกำเนิดมันมาจากไหนนะ
        จากบันทึกได้กล่าวถึงปลาประวัติความเป็นมา  ของเจ้าคาร์พลายดำนี้ว่าถือกำเนิดในยุคเมจิ  ซึ่งในยุค
นั้นปลาคาร์พหลากหลายสายพันธุ์ได้ถือกำเนิดขึ้น  เป็นยุคที่ปลาคาร์พเริ่มเป็นที่รู้จัก  และนิยมเลี้ยงกันมาก
ขึ้น  การถือกำเนิดของอูจึริในครั้งแรกเริ่มนั้น   เกิดจากการผ่าเหล่า (Mutant) มีปลาคาร์พที่มีครีบอกสีดำ
( โมโตกูโร่ หรือ ฮานโซเมะ ) เกิดขึ้นมา  เมื่อนำปลาที่มีครีบอกสีดำนี้ไปผสมกับปลาคาร์พชนิดอื่น  ปรากฏ
ว่ามีลูกปลาบางส่วนที่รับการถ่ายถอดพันธุกรรม  มีครีบอกสีดำเกิดขึ้นอีกมากมาย  บางตัวสีดำปรากฏเพียง
ที่โคนครีบ  บางตัวก็มีครีบอกเป็นสีดำทั้งหมด  ซึ่งถือเป็นลักษณะแปลกในยุคนั้น
        หลายปีต่อมาปลาที่สืบสายพันธุ์จากพันธุกรรมนี้  ได้แสดงลักษณะเด่นขึ้นมาอีก จากปลาที่มีสีดำแค่ที่
ครีบอก  กลับกลายว่าสีดำนั้นได้ขยายเพิ่มตำแหน่งขึ้น  มีสีดำไปปรากฏที่ส่วนหัว  สร้างความสนใจให้กับ
ให้กับนักเพาะพันธุ์ปลาในยุคนั้นมาก  จึงมีการผสมและพัฒนาปลาดังกล่าวนี้มาอย่างต่อเนื่อง  และในที่สุด
ก็ได้ถือกำเนิดปลาที่มีสีดำที่บริเวณครีบอก  ที่บริเวณหัว  และสีดำเป็นแถบที่ลำตัวเกิดขึ้นมา  ส่วนสีพื้นบริ
เวณลำตัวของปลาดังกล่าวนี้มีสีเหลืองอ่อนๆ ในยุคนั้นเรียกปลาลักษณะดังกล่าวนี้ว่า คุโรคิฮาม หรือ คุโรคิ
ฮาน
        จากการพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง  จากปลาลายดำสีเหลืองอ่อน ได้ถูกพัฒนาเป็นสีเหลืองสด สีดำ
ที่ลำตัวได้ถูกพัฒนาเป็นแถบสีดำที่มีขนาดใหญ่  พาดตั้งแต่สันหลังจนถึงใต้ท้อง ในบันทึกได้กล่าวไว้ว่าผู้
ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสายพันธุ์คุโรคิฮาน  ให้มีสายพันธุ์ที่นิ่งสมบูรณ์  ดังที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้ก็
คือ นายเฮซาบูโร่ โฮชิโน่ ผู้ที่มีบทบาทมากๆ ในวงการปลาคาร์พญี่ปุ่น  ใครที่ติดตามอ่านตั้งแต่แรกคงจะ
จำชื่อนายเฮ ได้นะครับ  บทบาทในวงการปลาคาร์พของแกหรือรับประทานจริงๆ เลยพับเผื่อย
        จากการที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนา  ปลาสีเหลืองลายดำจนเป็นที่ยอมรับของนักเลี้ยงปลาทั่วไป นาย
เฮ ผู้นี้ก็ได้ตั้งชื่อให้กับเจ้าคุโรคิฮานนี้เสียใหม่  ให้เท่ห์กว่าเดิมว่า" คิอูจึริ " ประมาณปี 1920  เดาใจว่าที่
แกเปลี่ยนชื่อมาเรียก คิอูจึริ  เพราะว่ามันสื่อได้ตรงตัวตรงเป้ากว่า คุโรคิฮาน   ขนาดมือใหม่ฟังปุ๊บรู้ปั๊บนึก
ภาพออกทันทีว่า  ต้องเป็นปลาที่มีสีเหลืองลายสีดำแน่ๆ จากเรื่องราวที่โม้  เอ๊ย..กล่าวมานี้  สรุปได้ว่า คิอูจึ
ริ  เป็นปลาอูจึริชนิดแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมา  จากชนิดย่อยของอูจึริทั้งหมด

        ชนิดย่อยของอูจึริมีอยู่ 3 ชนิด เท่านั้นที่ได้รับการยอมรับจากนักเลี้ยงปลา
        ชนิดแรกและก็แรกจริงๆ เพราะถือกำเนิดมาก่อนเพื่อน  คือคิอูจึริที่เกริ่นให้ฟังตั้งแต่แรก ในความสำ
คัญของมันถือว่าเป็นอูจึริ  ที่เป็นต้นกำเนิดของอูจึริทั้งปวง   เน้นย้ำลักษณะพื้นฐานของคิอูจึริอีกครั้ง  เป็น
ปลาที่มีพื้นสีที่ลำตัวเป็นสีเหลือง  ถ้าเป็นปลาที่สายพันธุ์ดีบางตัวจะมีสีเหลือง  เหลืองมากๆ เหลืองอ๋อยยัง
ไงยังงั้น  แต่ส่วนมากที่พบเห็นทั่วไปมักจะไม่เหลืองอ๋อย จะเหลืองอ่อยๆ เหลืองซีดไร้ชีวิตชีวา  เหลืองยัง
กับคนเป็นดีซ่าน  ฉะนั้นคิอูจึริที่ดีสวยเหลืองสด  เหลืองอ๋อย  เหลืองจัดจ้าน  เหลืองแบบถึงเดชถึงใจพระ
คุณท่าน  จึงเป็นอะไรที่หายากมากๆ ถึงยากที่สุด  ในบรรดาอูจึริทั้งสาม  นักเพาะพันธุ์ชาวญี่ปุ่นถือว่าเป็น
ปลาปราบเซียน  หาใครที่จะเพาะออกมาดีได้ยาก  ที่เพาะกันได้นั้นส่วนมากจะออกมาแบบไม่เต็มใจเหลือง
ซะมาก  จนปัจจุบันนี้ แทบจะหาคนเพาะพันธุ์น้อยเต็มที
        ชนิดที่สองมีชื่อเรียกว่า " ชิโร่อูจึริ " นักเลี้ยงปลาเราเรียกกันสั้นๆ ติดปากว่า " ชิโร่ " ถือกำเนิดตาม
คิอูจึริมาติดๆ ลองมาทบทวนภาษาญี่ปุ่นวันละคำกันดีมั้ยครับ " ชิโร่ " หมายถึง สีขาว " อูจึริ " หมายถึง
แถบสีดำที่พาดจากสันหลังถึงใต้ท้อง  ถูกต้องนะคร้บ..บ  ฉะนั้นลักษณะพื้นฐานของมันก็คือปลาที่มีพื้นสี
ขาว  มีลายสีดำที่ลำตัว  ผู้ที่เพาะพันธุ์ได้คนแรกคือนายโคซูโอะ มิเนมูระ ในปี 1925
        ชิโร่อูจึริถือว่าเป็นอูจึริที่มีบทบาทมากที่สุด  ในบรรดาอูจึริทั้งสาม  เรียกว่าถ้าไม่มีสีขาวดำ  ประดับ
บ่อนี่  ถือว่าเชยมากๆ ถึงเชยที่สุด  เชยมหาศาลไปนั่น สำหรับฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นที่ผลิตเจ้าขาวดำนี้  มี
หลายสำนักหลายเจ้า   และก็มีคุณภาพมากขึ้นทุกทีๆ จากเดิมที่นักเลี้ยงบ้านเราเคยรู้จักคุ้นเคยติดหู  อยู่แค่
ฟาร์มเดียว  คือฟาร์มโอโมซาโกะ นั่นก็เป็นนัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความนิยมต่อเจ้าปลาขาวดำนี้  ได้เพิ่มขึ้น
อย่างมากมาย  เทียบเท่ากับโคฮากุ,โชว่า,ซันเก้ ไปแล้ว ในบางครั้งในการประกวดปลาคาร์พ รางวัลสำคัญ
สูงสุดแกรนด์แชมเปี้ยน  ที่ปลาหลักโกซันเก้ทั้งสามพลัดกันครอบครองมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ก็เคยถูกเจ้า
ขาวดำเเขย่าบัลลังก์แย่งชิงมาครอง
        ชนิดที่สาม " ฮิอูจึริ " ถ้าเปรียบกับวงการยุทธจักบู๊ลิ้ม  เจ้าตัวนี้ก็ถือว่าเป็นกระบี่มือสองรองจาก ชิโร่
มาดูความหมายของชื่อ "ฮิ" คุ้นหูกันดีอยู่แล้ว หมายถึงสีแดง ฉะนั้นรูปแบบแพทเทินส์ของ ฮิอูจึริ จะเป็น
อื่นไกลไปเสียมิได้  มันต้องเป็นอูจึริ ที่มีพื้นสีแดง  มีลวดลายสีดำพาดผ่านตั้งแต่สันหลังจนถึงใต้ท้อง  สัง
เกตดูให้ดีนะครับว่า  ผมจะเน้นคำว่า อูจึริหมายถึงแถบสีดำที่พาดผ่านตั้งแต่สันหลังจนถึงใต้ท้องอยู่บ่อยๆ
ที่ยอมเสียเวลาพิมพ์เน้นอยู่อย่างนี้  เพราะผมต้องการสื่อให้มิตรรักแฟนเพลงรับรู้ว่า  สีดำหรือลวดลายที่ดี
ที่บ่งบอกความเป็นปลาอูจึริโมโน  ควรพาดผ่านตั้งแต่สันหลังจนถึงบริเวณให้ท้อง  ไม่ใช่ดำเลอะเทอะไร้
รูปแบบ
        ต้องให้ความสำคัญกับแถบอูจึรินี้มากๆ นะครับท่านที่เคารพ  ด้วยเหตุแห่งความเป็นจริง ในปลาอูจึริ
ใช่ว่าจะมีเพียงแต่แถบสีดำอูจึริเท่านั้น  สีดำที่เป็นจุดแต้มซูมิ  มักจะมีควบคู่อยู่ด้วยเสมอเกือบทุกตัวไป ผม
กลัวว่านักเลี้ยงมือใหม่ที่ยังไม่ชำนาญพอ   จะไปเผลอเลือกซื้อปลาอูจึริที่สีแต่จุดแต้มซูมิแต่เพียงอย่างเดียว
แนะนำแกมบังคับนะครับว่า  อูจึริโมโนทุกชนิดควรมีแถบอูจึริจริงๆ อย่างน้อยสุดสักหนึ่งแถบ

        เรื่องสำมะคันควรรู้อีกเรื่อง เกี่ยวกับสีแดงของ ฮิอูจึริ มันแตกต่างกับสีแดงของปลาคาร์พชนิดอื่นๆ
        จากประสบการณ์ที่ผ่านมา   ผมเห็นนักเลี้ยงปลาคาร์พมือใหม่มากมายเลย   เวลาคัดเลือกฮิอูจึริมักจะ
เลือกเฟ้นหาปลาที่มีสีแดงจัดเหมือนสีแดงของโคฮากุ,โชว่า เพราะเข้าใจผิด  ผิดมหันต์เลยนะครับขอบอก
เว้นเสียแต่ว่าเป็นความชอบส่วนตัว  แต่ส่วนใหญ่ผมว่าเข้าใจผิดรู้เท่าไม่ถึงการซะมากกว่า
        แต่ว่าการเลือกปลาที่สีแดงจัดมันผิดทางอย่างไรล่ะ  ใครๆ เขาก็ชอบปลาสีแดงจัดกันทั้งนั้น  มาแนะ
นำให้มึนส์ซะอีกแล้ว  บางท่านอาจทักท้วงในใจ   อ่ะ..มีคำอธิบายให้ครับ  ก่อนอื่นขอบอกถึงฉายาหรือชื่อ
เรียกอีกชื่อนึงของฮิอูจึริ  นั่นคือ " โตระฮิ" แปลเป็นไทยน่าจะหมายถึงเสือโคร่งสีแดง  หรือสีแดงของเสือ
โคร่ง  ทำไมมันถึงได้ฉายาอย่างนี้  ลองนึกภาพเสือโคร่งดูสิครับว่ามันมีสีอะไร  ลายสีดำบนสีเหลืองส้มใช่
ใช่มั้ยครับ  หวังว่าคงไม่ตะบี้ตะบันเถียงว่าเสือโคร่งสีแดงแป๊ดนะ  นัยความหมายของชื่อมันก็สื่อชัดๆ อยู่
แล้วว่าเป็นปลาสีแดงส้มหรือส้มอมเหลืองอย่างเสือโคร่ง  ไม่ใช่สีแดงอย่างโคฮากุ  อธิบายยาก ดูจากรูปเอา
เองก็แล้วกันครับ  สีมันจะออกแดงอมส้มอมเหลืองอย่างนั้นแหละ  นี่เป็นสีดั้งเดิมของแท้ออริจินอล   เป็นสี
ของอูจึริที่ดี   ถูกต้องตามต้นตำรับที่นักเพาะพันธุ์ชาวญี่ปุ่นเพาะกันมา  ถ้าเป็นสีแดงแป๊ดอย่างโคฮากุถือว่า
เป็นของเทียมทำเลียนแบบ
        ฮิอูจึริที่มีสีแดงอย่างกับโคฮากุ  มันจะไปใกล้เคียงเอากันกับฮิโชว่า (โชว่าที่มีสีแดงทั้งตัว) ฉะนั้นเวลา
ที่เห็นฮิอูจึริสีนี้ก็ถือว่าถูกต้องแล้ว   ฮิอูจริที่ดีต้องเป็นสีแดงส้มแบบนี้   ไม่ต้องไปมองหาอะไรที่มันแดงกว่า
หรอกครับ  เดี๋ยวจะไปโดนพวกหัวหมอเอาฮิโชว่ามาหลอกขายเอา  ระวังให้ดีแยกให้ออกนะครับ


        อูจึริโมโนที่ดี  ต้องมีลายดำที่หน้า  แถบสีดำที่ลำตัว  และมีครีบอกสีดำจริงไหมหนอ
        มีปลาคาร์พหลายประเภท  ที่มีลักษณะบางสิ่งบางประการเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว  พอมองปุ๊บก็รู้ปั๊บ
ทันทีว่าเป็นปลาประเภทนั้นประเภทนี้  เปรียบกับรถยนต์ก็เหมือนตราโลโก้  ไม่ต้องเห็นทั้งคันก็รู้ว่าเป็นรถ
อะไร   ยกตัวอย่างถ้าเห็นสัญลักษณ์ม้าป่าคะนองศึก  รู้ได้ทันทีว่านี่คือเฟอร์รารี่สุดยอดยนตกรรมจากแดน
มักกะโรนี   เห็นดาวสามแฉกนั่นคือยอดรถเศรษฐีจากแดนนาซี   ถ้าเห็นกระบือเดินนำหน้านั่นแหละเกวียน
สุดยอดเทคโนโลยีภูมิปัญญาแบบไทยๆ
        เอ้า..เข้าเรื่องต่อ ปลาคาร์พที่ผมเคยนำมาเล่าสู่กันฟังอย่างโชว่า ราชาหน้าสามสี  จำได้มั้ยครับว่าเอก
ลักษณ์ของมันคือ  มีฐานครีบอกสีดำ  และก็มีลายสีดำที่หน้าเห็นอย่างนี้ก็รู้ทันทีว่าเป็นโชว่า  แต่ถ้ามองเป็น
โคฮากุ  ขอให้ไปพึ่งพาบริการแว่นท็อปเจริญเสียโดยไว  ลักษณะเด่นของโชว่าที่กล่าวนี้มีปรากฏในอูจึริโม
โนเช่นกัน  เพราะว่าปลาทั้งสองประเภทนี้  มีความสืบเนื่องเกี่ยวข้องเป็นเครือญาติกันมาตั้งแต่โบราณกาล
โชว่าถือกำเนิดมาจาก คุโรคิฮานหรือคิอูจึริในปัจจุบัน   ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นลายดำที่หน้าสีดำที่ครีบอก  แถบ
อูจึริที่ลำตัว  ก็คือพันธุกรรมที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากอูจึริโมโน  ถ้าบอกว่าลักษณะดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญ
ที่ควรมีของโชว่า  มันก็ต้องเป็นอะไรที่สำคัญควรมีสำหรับอูจึริโมโนด้วยเช่นกัน  เป็นคำตอบสุดท้าย..
        อ่ะ.ร่ายมายาวเหยียด  ทั้งหมดก็เพื่อต้องการเน้นให้เห็นความสำคัญตรงจุดนี้  วันนี้ในฐานะที่เป็นมือ
ใหม่อาจจะไม่นึกใส่ใจ  แต่ถ้าวันหน้ากลายเป็นมือเก่าเก๋าเกมส์  ลองนึกดูสิครับว่าถ้าอูจึริที่เคยซื้อมาหัวขาว
เถือก  ครีบอกขาวจั๊ว  สีดำที่ลำตัวเป็นจุดอย่างเนี้ย   มันจะหดหู่ใจสักปานใด  สาธุชนโปรดใช้สะดือตรอง
เอาเองเถอะครับ  ด้วยความเคารพ
        ขอจบเนื้อเรื่องอูจึริโมโนไว้แต่เพียงเท่านี้นะครับ  เพราะว่าปลาคาร์พประเภทนี้ไม่มีรายละเอียดอะไร
มากมายนัก   อีกทั้งชนิดย่อยก็มีน้อยกว่าปลาคาร์พประเภทอื่นๆ มีอยู่สามชนิดที่นิยมเลี้ยงกันทั่วไป  ซึ่งได้
ได้แนะนำไปหมดแล้ว  คงไปเจอกันอีกครั้งในเรื่องการเลือกครับ